ทริปไปเที่ยว Ine ของเราเกิดขึ้นเพราะเราได้เห็นภาพถ่ายของหมู่บ้านชาวประมงที่มีท้องน้ำสีสวยเข้มและมีบ้านชาวประมงสีทึมๆที่มีที่จอดเรือที่ชั้นล่างของบ้านจากอินสตาแกรมของเพื่อนคนหนึ่งของเรา ในที่สุดเราก็พบว่า สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คือหมู่บ้าน Ine (อิเนะ) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ช่างดูสวยและเงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ เราจะมาชวนคุณไปเที่ยว Ine (อิเนะ) ด้วยกันกับเราครับ

การเดินทางไปเที่ยว Ine
สำหรับเราการมา เที่ยว Ine ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่แทรกตัวอยู่ริมทะเลในจังหวัดเกียวโต ถือเป็นสถานที่ที่เราอยากดั้นด้นไปเยือนสักครั้ง ที่ต้องบอกว่าดั้นด้น ก็คือหมู่บ้าน Ine อยู่ห่างจากตัวเมืองเกียวโตออกมาประมาณ 3 ชั่วโมงหากเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัส ด้วยความที่ต้องใช้เวลาเดินทาง เลยตัดสินใจจองที่พักเอาไว้ เพื่อจะค้างคืนสักหนึ่งคืนแถว Ine ซึ่งทริปนี้ เกิดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายน ที่ญี่ปุ่นจะเริ่มเข้าฤดูร้อนและก็จะเริ่มมีฝนมากขึ้น ทริปนี้เราเลือกที่จะเช่ารถขับจากเกียวโตมาเที่ยวที่ Ine เพราะว่าที่พักที่เราจองได้ อยู่ห่างจะตัวหมู่บ้าน Ine มาสัก 10 นาทีหากเดินทางด้วยรถยนต์ ทางเลือกที่เป็นการเช่ารถขับ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับเราในครั้งนี้

ในตอนแรกที่เราปักหมุดจีพีเอสมาที่ Ine นั้น แผนที่ของกูเกิ้ลพาเราไปจอดที่ Inemachi Furusatoshinkokosha Funayanosato Park ซึ่งเป็นจุดชมวิวชื่อย้าวยาว ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นจุดชมวิวหรืออะไร เพราะพอขับรถเลี้ยวเข้ามาก็เห็นเหมือนเป็นลานจอดรถ เจอคุณตำรวจโบกแล้วพูดภาษาญี่ปุ่นมือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปข้างบน ทำสัญลักษณ์เหมือนห้ามเข้าไป เราก็เลยบอกว่าจะไป Ine แต่คุณตำรวจก็ชี้ไปข้างล่าง เราก็งงเพราะว่ากูเกิ้ลแมพก็บอกให้มาทางนี้ เห็นท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่อง เราก็เลยจอดรถที่ลานจอดรถเพื่อตั้งหลักก่อนดีกว่า
จุดชมวิวอิเนะบนยอดเขา

หลังจากนั้นก็ลองเดินขึ้นไปทางเนินเขาที่คนทุกคนเดินขึ้นไป สิ่งที่พบก็คือเป็นเสมือนจุดชมวิวอ่าว Ine จากมุมสูง และมีข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว พร้อมมีร้านอาหารที่ให้นั่งกินและชมวิว Ine ในมุมสูงไปด้วย มีร้านขายอาหารแห้งที่ผลิตได้จากชาวบ้านในพื้นที่หมู่บ้าน Ine ที่มีตั้งแต่ปลาแห้งไปจนสาหร่ายปรุงรส เราสอยสาหร่ายปรุงรสมาหนึ่งแพ็ค เอาไว้กลับไปชิมที่โรงแรม เมื่อชมวิวจนหนำใจ และก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า ที่คุณตำรวจบอกนั้น คือหมู่บ้าน Ine ต้องขับรถลงไปข้างล่างนั่นเอง
ถึงแล้วหมู่บ้านน่าเที่ยว Ine

ทันทีที่ขับรถลงจากเขามาเลียบทะเลเพื่อเข้าหมู่บ้าน ความตื่นเต้นเริ่มเข้ามาแทรกจนสายตาเริ่มไม่มองถนนเลยครับ ที่หมู่บ้าน Ine ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จะอยู่ในบริเวณที่เป็นบ้านชาวประมงหรือที่เรียกว่าฟูนายะ (Funaya) เป็นบ้านชาวประมงติดริมน้ำ มีสองชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นที่จอดเรือ เรียกว่าสร้างบ้านครอบทะเลไว้ แล้วเอาเรือขับเข้าไปจอดใต้ถุนบ้าน ส่วนชั้นบนจะเป็นที่อยู่อาศัย เราขับรถมาจอดที่ลานจอดรถที่ทางชุมชน Ine จัดเตรียมไว้

ที่ลานจอดรถนี้อยู่ติดกันทะเลเลย เลยได้เดินชมท่าเรือและเรือนำเที่ยวที่จอดอยู่เรียงราย มีคุณลุงคนขับเรือเปล่งเสียงเชื้อเชิญไปทัวร์ เลยได้สอบถามราคาค่าบริการนำเที่ยวชมรอบอ่าว ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 เยนต่อคน หากใครพักที่ฟูนายะนี้สามารถจองเรือนำเที่ยวเหล่านี้ได้จากที่พัก หรือเดินมาสอบถามกับคนขับเรือที่ท่าเรือโดยตรงเลยก็ได้ เราได้บอกคุณลุงไปว่าของไปหาข้าวกินก่อน ตอนนี้หิวโซมาก เดี๋ยวจะกลับมาขึ้นเรือของลุงนะ

สำหรับการมาเที่ยวที่ Ine สิ่งที่นักท่องเที่ยวควรให้ความเคารพก็คือ ความที่ Ine เป็นหมู่บ้านที่ชาวท้องถิ่นใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ เราไม่ควรมองว่าที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยว แล้วเราเป็นนักท่องเที่ยวก็น่าจะเดิน เที่ยว Ine ชมโน่นนี่ หรือเสียงดังได้ตามใจชอบ เราควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของเจ้าบ้านด้วย โดยไม่เดินเข้าบ้านใครไปสุ่มสี่สุ่มห้า
ชิมข้าวหน้าปลิงทะเล ของอร่อยแห่งอิเนะ
ระหว่างที่เดินหาร้านอาหาร ก็ไปสะดุดตากับร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีรูปปลาปักเป้าติดอยู่ ชื่อร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นที่อ่านไม่ออก และไปค้นข้อมูลภาพหลังพบว่าร้านนี้ชื่อ Nagisa ดูรูปปลาปักเป้าแล้วอยากลองชิม ก็เติมชวนหนู (ภรรยาของผม) แวะกินที่ร้านนี้กัน

เข้าร้านไปเจอคุณอเล็กซ์ ทาคาฮาชิ เจ้าของร้านซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว เข้ามาให้คำแนะนำเมนูของทางร้าน สิ่งที่เรารู้คือฤดูที่เราไป เที่ยว Ine นั้น ไม่มีปลาปักเป้าให้กิน แต่สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นก็คือ มีปลิงทะเลให้กิน เมนูเด็ดของทางร้านก็คือข้าวหน้าปลิงทะเลราดซอสเป๋าฮื้อ ผมนี่ครางอื้อหือในลำคอ ด้วยความที่ไม่เคยกินปลิงทะเลมาก่อนในชีวิต แต่อเล็กซ์ก็ขายต่อว่าใน Ine นี่หากินได้ที่ร้านเค้าร้านเดียว และปลิงทะเลนี่เค้าก็ทำตากแห้งเอง แถมยังส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย ตอนปรุงปลิงทะเลที่ตากแห้งมาแล้วต้องทำให้กลับมาฟูเหมือนปลิงทะเลสดก่อน เชื่อแล้วว่าเป็นตัวจริงเรื่องปลิงทะเล จัดมาชิมเลยครับอเล็กซ์

ข้าวหน้าปลิงทะเลมาในชามขนาดมาตรฐานขนาดพอๆกับชามใส่ข้าวหน้าปลาดิบในบ้านเรา ในชามมีปลิงทะเลหั่นบางๆ เรียงปิดหน้าแทบไม่เห็นข้าว พร้อมกับที่ซอสสีน้ำตาลราดอยู่บนปลิงทะเลดูชุ่มฉ่ำน่ากิน
วินาทีแรกที่ปลิงทะเลได้เข้าปาก สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือรสชาติของน้ำซอสหอยเป๋าฮื้อ และความนุ่มแต่กรุบกรอบของปลิงทะเล เป็นสิ่งที่สัมผัสลิ้นแล้วอร่อยมากลืมไม่ลง เมนูนี้ขอยกนิ้วให้กับร้านนี้จริงๆ ใครที่มา เที่ยว Ine ควรหาโอกาสมาแวะชิมที่ร้านนี้ให้ได้ครับ สำหรับจานนี้ สามารถสั่งกับทางร้านเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Dried Sea Cucumber Bowl ราคา 1,600 เยน
นั่งเรือเที่ยวชมรอบอ่าวอิเนะ

เมื่ออิ่มท้อง เราเดินกลับไปที่ท่าเรือเพื่อตามหาคุณลุงคนขับเรือที่เราได้ติดต่อไว้ แต่คุณลุงคงพานักท่องเที่ยวท่านอื่นไปทัวร์อยู่ เรายืนรออยู่พักเดียวคุณลุงก็กลับมาพอดี เราเลยได้ลงเรือเป็นคิวถัดไป คุณลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ก็พยายามสื่อสารกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่น แน่นอนว่า เราก็พูดญี่ปุ่นไม่ได้

แต่ทัวร์ท่องเที่ยวรอบอ่าว อิเนะ ของเราจะไม่ว่างเว้นการสื่อสาร เมื่อหนูควักโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอพกูเกิ้ลทรานสเลท ยื่นให้คุณลุงพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นใส่แอพ แล้วแอพก็จะแปลมาเป็นภาษาไทยให้เราฟัง แรกๆ ลุงก็คงงงว่ายื่นมาทำไม ทำไปสักสองสามรอบ ลุงเริ่มจับทางได้ เพราะเราพูดภาษาไทยกลับไปในแอพ แล้วแอพก็แปลภาษาญี่ปุ่นออกมาให้ลุงฟัง เท่านั้นการสื่อสารตลอดการทัวร์ของเราก็ไม่มีอุปสรรคอีกต่อไป

คุณลงพาเราออกไปทัวร์รอบอ่าว Ine ขับเรือวิ่งไปวนให้เราถ่ายรูปใกล้ๆฟูนายะหลายหลัง คอยอธิบายว่าตรงโน้นตรงนี้คืออะไร และเมื่อชมรอบอ่าวทั่วแล้ว ลุงก็เบนหัวเรือวนออกทะเลเพื่อกลับไปที่ท่าเรือ ระหว่างนี้ ลุงได้ยื่นถุงขนมที่มีหน้าตาเหมือนข้าวเกรียบกุ้งที่บ้านเรา เอาไปโปรยให้นกนางนวลได้กิน ถึงตอนนี้แค่หยิบถุงออกมา นกนางนวลก็มาบินวนรอบเรือเป็นสิบๆ ตัว เราโปรยทีละชิ้น ไปจนถึงโปรยที่ละหลายชิ้น เจ้านกนางนวลเหล่านี้ไม่เคยปล่อยให้ข้าวเกรียบกุ้งร่วงลงพื้นน้ำสักชิ้นเดียว

นั่งทอดอารมณ์ที่ท่าเรือ Ine
กลับมาถึงท่าเรือ หลังจากที่ไปทัวร์กับเรือเที่ยวรอบอ่าว Ine มา 30 นาที เราร่ำลากับลุงเรียบร้อยแล้ว เรายังใช้เวลาอยู่ตรงท่าเรือนั้นต่อ เพราะเห็นคนญี่ปุ่นหลายคน น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นจากในเมืองที่ขับรถมา เที่ยว Ine เช่นกัน พาครอบครัวมานั่งตกปลาที่ท่าเรือ ผมเดินไปเลียบๆเคียงๆ ดูว่าใช้อะไรตกปลา ได้ปลาอะไรบ้าง เท่าที่เห็นก็พบว่าปลาแถวนี้ที่ตกกันคือปลาตัวเล็กๆ ขนาดใกล้เคียงกับปลาทูบ้านเรา แต่ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไร รูปแบบของคันเบ็ดที่ใช้ตกก็มีหลากหลายชนิด บ้างก็ใช้เบ็ดตกปลาที่ไม่มีรอกคือคล้ายๆคันเบ็ดแบบชิงหลิว คือคันเบ็ดยาวๆเหมือนพวกคันเบ็ดไม้ไผ่ แต่ยาวกว่ามาก ผูกด้วยเอ็นตกปลาแล้วใส่ทุ่นแหลมๆ กับอีกแบบคือคันเบ็ดแบบสปินนิ่งมาตรฐานแบบนักตกปลาไทย นั่งมองนักตกปลาได้ปลาบ้าง ไม่ได้ปลาบ้าง ก็เพลินดี

ที่ท่าเรือที่เรานั่งหายใจเล่น ก็มีความเพลิดเพลินดี เรานั่งอยู่กันนานสองนาน เพราะว่าสีน้ำทะเลก็สวย อากาศก็เย็นสบายค่อนไปทางหนาว มีนักตกปลาให้ชม มีเรือท่องเที่ยววิ่งเข้าวิ่งออกที่ท่าเรือ มีนกนางนวลบินตอมเรือท่องเที่ยว (เรียกว่าตอม เพราะมันเยอะคล้ายๆ กับแมลงวันตอมอะไรสักอย่าง)
แวะเยี่ยมโรงกลั่นสาเกเก่าแก่ 260 ปี

หลังจากนั้นเราเดินชมหมู่บ้าน Ine ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีความสงบมาก รถน้อยจนแทบจะไม่มีเลย ชาวบ้านไม่ค่อยเดินออกมาตามถนนกัน คงมีแต่นักท่องเที่ยวที่เริ่มบางตาเพราะเป็นตอนช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันอาทิตย์ เราเดินตามหาโรงงานสาเกเก่าแก่แห่งอิเนะที่ชื่อ Mukai Shuzo ที่กลั่นเหล่ามามากกว่า 260 ปีแล้ว เพราะทราบข่าวว่ามีเหล้าสาเกระดับซิกเนเจอร์ของ Ine อยู่ด้วย ที่ร้านค้าของโรงงานสาเก มีให้เราได้ชิมสาเกที่โรงงานผลิตมา และได้ชิมสาเก Ine Mankai ซึ่งเป็นตัวซิกเนเจอร์ รสชาติก็ดื่มได้เพลินๆ เพราะออกหวานๆและสีออกชมพูเหมือนไวน์โฮเซ่ (Rose) เลยครับ นอกเหนือจากนี้ยังมีไอศครีมรสสาเกให้ได้ลองชิมกันอีกด้วย


Cafe Ine คาเฟ่ที่ทำเลดีที่สุดในอิเนะ

หลังจากนั้นเราเดินกลับมาที่ Cafe Ine ซึ่งอยู่ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยวเลย ที่นี่มีเครื่องดื่มให้จิบเช่นกาแฟ หรือพวกน้ำโซดา และมีเค้กมีขนมให้ทาน ทีเด็ดอยู่ที่วิวนอกกระจกที่มองไปเห็นอ่าว Ine ทั้งอ่าวเลย โดยเราสั่งอาหารที่ชั้นล่าง แล้วขึ้นไปนั่งทานที่ชั้นสอง โดยชั้นล่างมีโต๊ะที่ติดริมน้ำเลยหนึ่งโต๊ะ แต่ไม่ได้ในใครนั่งกินกาแฟ ทางร้านให้เอาไว้เป็นพรอพให้ถ่ายรูปแล้วค่อยย้ายไปนั่งโต๊ะของตัวเองด้านบน

เที่ยว Ine อีกครั้ง ตามล่าหามื้อเย็น
จนเย็น เราจึงตัดสินใจขับรถไปที่โรงแรมที่เราจองไว้ ซึ่งห่างจากหมู่บ้านอิเนะประมาณสัก 10 นาที โดยตั้งใจจะเข้าไปอาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยทานอาหารมื้อเย็นที่โรงแรม
เราขับรถไปถึงโรงแรมเพื่อเช็คอิน ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับที่โรงแรมว่าที่โรงแรมมีห้องอาหารสำหรับมื้อเย็นไหม พนักงานทำแขนเป็นรูปกากบาท เฮ้ย ประเทศนี้มีท่าไม้ตายเป็นมดเอ็กซ์กันเหรอ เราเลยถามใหม่ด้วยกูเกิ้ลทรานสเลท ได้ท่ากากบาทเดิมกลับมา หมายความว่าไม่มีให้มรึงกินหรอก เรามองหน้ากันเลิกลั่กว่าโรงแรมอะไร (วะ) ไม่มีร้านอาหาร ก็เลยลองสอบถามพนักงานว่าแล้วร้านอาหารแถวนี้มีที่ไหนบ้าง พนักงานบอกว่า..มีที่ Ine

เสิร์ชกูเกิ้ลดูแล้ว แถวโรงแรมไม่มีร้านอาหารจริงๆ เพราะเป็นย่านชนบทของญี่ปุ่น ความศิวิไลซ์ที่สุดในย่านนี้คงอยู่ที่หมู่บ้าน Ine ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแหล่งที่ประชากรหลักอยู่ที่นั่น เราจำใจขับรถกลับไป เที่ยว Ine อีกครั้ง ตั้งใจว่าจะไปกินอาหารที่ร้านที่อยู่ติดกับ Cafe Ine
เมื่อถึงร้าน เราเปิดประตูเดินอาดๆเข้าไปบอกพนักงานว่า มากันสองคนครับ พนักงานถามว่าได้จองมาไหม ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้จองไว้ พนักงานบอกว่าเต็มแล้วครับ มีอาหารพอสำหรับผู้ที่จองมาเท่านั้น ….. ความเงียบเริ่มครอบงำเราทั้งสอง

เอาใหม่ เราเดินย้อนที่จอดรถไปหาร้านอาหารตามที่กูเกิ้ลแมพบอกว่ามีร้านอยู่ เราเดินเข้าไปในร้านอาหารอีกร้านหนึ่งที่เราพบ พ่อครัวเดินออกมาทำท่ามดเอ๊กซ์ใส่เราอีกครั้ง บอกว่าร้านปิดแล้ว ….
เราเดินย้อนหมดอาลัยตายอยากแบบหิวๆ กลับออกมา เจอร้านขายของชำ เลยแวะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันไปสองถ้วย กะว่าถ้าไม่มีร้านไหนเปิด จะกลับไปโรงแรมขอน้ำร้อนมาใส่บะหมี่กินประทังชีวิตกันไปก่อน

ขณะที่กำลังเดินกลับไปที่รถ เราลองตามกูเกิ้ลแมพไปเฮือกสุดท้าย พบร้านอาหารญี่ปุ่นเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านก็ไม่ออก (ให้กูเกิ้ลแปลมา อ่านได้ว่า Oshokujidokoro hyōshirō) ผมเลื่อนประตูเข้าไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม พร้อมบอกว่ามีที่ว่างสองที่ไหม ทางร้านผายมือไปที่โต๊ะ เฮ้ยยย รอดแล้วเว๊ยยยย

ร้านอาหารท้องถิ่นเห็นมีนักท่องเที่ยวกินอยู่สองสามโต๊ะ เราดูเมนูแล้วสั่งอาหารเซ็ทเป็นข้าวหน้าปลาดิบ ดูไม่ค่อยออกหรอกว่ามีปลาอะไรบ้าง แต่ที่รู้คือปลาสดมากๆ เพราะที่นี่คือหมู่บ้านชาวประมง Ine นั่นเอง จบวันเบาๆ ที่ Ine กันด้วยท้องที่อิ่มและหนังตาก็เริ่มจะหย่อน เลยรีบขับรถกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมกันไป
ใครบ้างเหมาะจะมา เที่ยว Ine
หากคนเบื่อความเป็นเมืองใหญ่และชอบทะเล ชอบความสงบ ก็คิดว่าน่าจะลองแวะมาเที่ยวที่อิเนะดูครับ ทะเลที่นี่ไม่ได้เหมาะเอาไว้ลงเล่น เพราะเป็นน้ำลึก แต่เหมาะกับมานั่งดูบรรยากาศมากกว่า สิ่งที่น่าแวะมาชมก็คือตัว Ine Funaya เอง เรือทัวร์รอบอ่าวก็ไม่ควรพลาด เพราะจะทำให้เราเห็น Ine Funaya ได้ชัดเจนขึ้นอีก เพราะเรือสามารถพาเราไปใกล้ๆ ได้

อาหารตามร้านต่างๆ ก็ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะร้าน Ine Nagisa ที่มีปลิงทะเลให้ชิม (ร้านนี้มีปลาวาฬให้ชิมด้วย) และปลาดิบที่ร้านอาหารในย่านอิเนะ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเพราะเป็นหมู่บ้านชาวประมง ปลาที่ได้เลยเป็นปลาที่สดมาก
ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพที่อิเนะ ถือว่าราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่ทำเพื่อนักท่องเที่ยว มีร้านชาวบ้านแต่ก็เป็นแค่ร้านของชำ เข้าใจว่าชาวบ้านคงทำอาหารกินเองกันเป็นส่วนใหญ่
ถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่ น่าจะลองหาโอกาสนอนพักสักหนึ่งคืน ถ้าได้นอนบ้านแบบที่เป็นฟูนายะได้น่าจะเด็ดมา (แต่ราคาสูงมากเช่นกัน) เพราะระยะทางไปกลับจากเกียวโตกับอิเนะนั้นห่างกัน 3 ชั่วโมง หากไปกลับรวม 6 ชั่วโมงน่าจะเหนื่อยไปหน่อย แถม Ine ตอนเย็นๆ ก็มีความสงบมากๆ แทบจะเป็นหมู่บ้านของเราเท่านั้นเลย

บทความนี้ผมเขียนหลังจากไปเที่ยวอิเนะมาประมาณ 3-4 เดือน ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ อาจจะเก็บมาได้ไม่เต็มที่ อาศัยไปเปิดรูปถ่ายย้อนหลังดูแล้วเอามาเล่าเป็นเรื่องราว แล้วก็พบว่า รูปถ่ายที่เราถ่ายไว้ตอนไปทริปอิเนะนั้น เราถ่ายกันแบบเล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเอามาเล่าเรื่องเป็นบทความ ต้องยอมรับเลยว่าถ่ายรูปมาได้เยินมา ภาพขาดๆเกินๆ สีท้องฟ้าก็กลายเป็นสีขาว ผมคงต้องหาโอกาสไปหัดถ่ายรูปให้ดีขึ้นกว่านี้ครับ หากเพื่อนๆ ท่านไหน ถนัดเรื่องการถ่ายภาพ โปรดแนะนำพื้นฐานการตั้งค่ากล้อง หรือเทคนิคถ่ายภาพให้ผมด้วยนะครับ เริ่มจากการให้คอมเม้นต์ภาพที่ถ่าย หรืออยากเสริมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่ท่องเที่ยวใน Ine ก็จะยินดีมากๆ เลยครับ
ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นหรือแบ่งปันประสบการณ์ของคุณ